เคล็ด(ไม่)ลับ ทาครีมกันแดดถูกวิธี ปกป้องผิวได้เต็มที่
     เคยเป็นมั้ย? แม้เราจะเลือกครีมกันแดดดีที่สุด มีทั้งค่า SPF และ PA ป้องกันผิวจากแสงแดดทั้งจากรังสี UVA และ UVB แบบครบถ้วน แต่ก็เหมือนผิวของเรายังได้รับการปกป้องไม่เต็มประสิทธิภาพ หน้ายังคงหมองคล้ำดำเสียอยู่ดี นั่นเป็นเพราะทาครีมกันแดดไม่ถูกวิธี! วันนี้เราเลยขอนำวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องมาฝากทุกคน เพื่อให้สามารถปกป้องผิวสวย ๆ กันได้อย่าเต็มประสิทธิภาพ
1. ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาที

อย่างแรกที่ควรจำเลย ! คือเราต้องทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านอย่างน้อย 15-30 นาที เพื่อให้เนื้อครีมกันแดดซึมซาบลงสู่ผิวและเซ็ตตัวติดกับผิวมากยิ่งขึ้น รวมถึงเนื้อครีมจะได้ไม่ไหลย้อยไปพร้อมกับเหงื่อ น้ำ หรือมือของเราที่บังเอิญไปปัดโดนจนเนื้อครีมหลุด ซึ่งอาจไปลดประสิทธิภาพของครีมกันแดดได้ นอกจากนี้ยังมีทริคเล็ก ๆ ที่อยากบอก คือหลังทาครีมกันแดดแล้วสามารถทาแป้งตามได้เลย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกันแดดให้ดีมากยิ่งขึ้น และยังช่วยเซ็ตครีมกันแดดให้แนบแน่นติดกับผิว รวมทั้งช่วยลดความมันจากเนื้อครีมกันแดดได้ด้วย
2. อย่าลืมทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง

หากต้องอยู่กลางแดดนาน ๆ และอยากปกป้องผิวหน้าแบบการ์ดไม่ตก ต้องหมั่นทาครีมกันแดดซ้ำระหว่างวัน อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้การปกป้องรังสี UV นั้นคงประสิทธิภาพเต็มที่อย่างต่อเนื่อง ยิ่งหากเป็นกิจกรรมกลางแจ้งที่เรียกเหงื่อเยอะ ๆ หรืออยู่ในสถานที่แดดร้อนจัด ๆ ที่อาจทำให้เหงื่อออกได้มาก รวมถึงกิจกรรมทางน้ำ เช่น ว่ายน้ำกลางแจ้ง ไม่ว่าจะในสระหรือลงน้ำทะเล ก็ต้องพกครีมกันแดดไปทาทุก 1-2 ชั่วโมง เพราะเนื้อครีมที่เราทาไปในตอนแรก อาจโดนเหงื่อหรือน้ำทำให้หลุดออกไปจากผิวได้เช่นกัน และจะให้ดีที่สุดก็ควรเลือกเป็นครีมกันแดด ที่สามารถกันน้ำและเหงื่อได้ ดังนั้นเมื่อรู้ว่าวันนี้ต้องไปเย้ยฟ้าท้าแสงอาทิตย์นาน ๆ อย่าลืมหยิบครีมกันแดดติดกระเป๋าไปด้วย
ช่องทางการสั่งซื้อ
3. ทากันแดด 1 ข้อนิ้วชี้

สำหรับปริมาณครีมกันแดดที่ควรทา ในส่วนใบหน้า ถ้าเป็นกันแดดเนื้อครีมควรทา 1-2 ข้อนิ้วชี้เต็ม ๆ ส่วนกันแดดทาหน้าเนื้อน้ำ ต้องใช้ในปริมาณเท่าเหรียญ 10 บาท 1 เหรียญ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด แต่หากใครที่กลัวเหนียวเหนอะหนะ หนักหน้า เพราะเนื้อครีมซึมช้า ก็สามารถแบ่งทา 2 รอบได้ โดยรอให้เนื้อครีมที่ทารอบแรกซึมลงผิวไปให้หมดก่อน จากนั้นจึงทาซ้ำอีกรอบ ส่วนผิวกายควรใช้ครีมกันแดดในปริมาณ 1 แก้วชอตหรือ 30 ออนซ์ และควรทาครีมกันแดดลงบนตัวหลังทาโลชั่นบำรุงผิว โดยไม่ควรทาโลชั่นตัวอื่นทับลงไปอีก
4. แต้มครีมกันแดด 5 จุด แล้วเกลี่ยไปทางเดียวกัน

อีกหนึ่งเทคนิคดี ๆ ในการทาครีมกันแดดคือ ให้แต้มเนื้อครีมกันแดด 5 จุดลงบนใบหน้า ได้แก่ บริเวณหน้าผาก 1 จุด แก้มทั้ง 2 ข้าง อย่างละ 1 จุด จมูก 1 จุด และคาง 1 จุด จากนั้นก็เกลี่ยให้ทั่วอย่างเบามือ และควรเกลี่ยไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ถูขึ้น ๆ ลง ๆ ที่สำคัญอย่าลืมทาบริเวณใบหู และลำคอทั้งด้านหน้าและด้านหลังด้วย อย่าให้หน้าใสแต่ปล่อยทิ้งให้หูและคอไหม้แดดอย่างเดียวดาย! เพราะเดี๋ยวจะทำให้สีผิวจะไม่สม่ำเสมอกัน
5. ขั้นตอนทากันแดดระหว่างเมคอัพ ให้ปัง!

ส่วนใครที่ต้องแต่งหน้าเป็นประจำมาทางนี้ หลายคนคงสงสัยว่าควรทาครีมกันแดดในขั้นตอนไหนระหว่างเมคอัพดี ซึ่งขั้นตอนการแต่งหน้าที่จะทำให้ครีมกันแดดยังคงประสิทธิภาพสูงสุด คือเราควรเตรียมตัวผิวให้พร้อมก่อน บางคนอาจใช้โทนเนอร์เป็นตัวแรก จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนบำรุงผิว จะทาเป็นครีมบำรุง มอยเจอร์ไรเซอร์หรือเซรั่มต่าง ๆ ตามแต่สะดวก ต่อมาถึงคิวนางเอกของเรา กับการลง ครีมกันแดด ซึ่งเหตุผลที่ต้องทาครีมกันแดดหลังการบำรุงต่าง ๆ เพราะหากทาครีมกันแดดก่อน เนื้อครีมกันแดดจะไปเคลือบผิวไว้ ทำให้ตัวครีมบำรุงนั้นไม่สามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนแต่งหน้า จะทาบีบี ซีซี หรือรองพื้นตามสไตล์ได้เลย แต่มีเทคนิคที่อยากแนะนำอีกนิด คือการเลือกครีมกันแดดดีที่สุด ควรเลือกที่เนื้อครีมไม่ไปเปลี่ยนหรือทำให้สีของรองพื้นและเมคอัพผิดเพี้ยนด้วย
6. ห้ามนำครีมกันแดดทาผิวกาย มาใช้ทาผิวหน้า

อย่าได้คิดประหยัดแบบทูอินวัน ด้วยการหยิบครีมกันแดดที่ใช้กับผิวกายมาทาผิวหน้าเด็ดขาด! เว้นแต่ในสลากจะบอกว่าสามารถทาได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย เนื่องจากผิวหน้าของเรานั้นบอบบางกว่าผิวบริเวณอื่น ๆ ของร่างกายมาก และครีมกันแดดแต่ละชนิดก็ถูกผลิตมาด้วยสูตรและมีส่วนประกอบ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและเหมาะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยผิวกายมีความหนาและหยาบกว่าผิวหน้ามาก ครีมกันแดดแบบทาตัวจึงมีส่วนผสมที่เข้มข้นมากกว่าครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงมากหากนำครีมกันแดดทาตัวมาทาผิวหน้า อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง เกิดการอุดตันเป็นสิวได้ ลงทุนซื้อครีมกันแดดเฉพาะผิวหน้าดีกว่า ราคาอาจแพงกว่ากันหน่อย แต่ก็ดีกว่าเสี่ยงกับการระคายเคือง เดี๋ยวจะเสียค่ารักษาผิวหน้าเพราะแพ้ครีม ที่ใช้เงินมากกว่าซื้อครีมกันแดดได้ ไม่คุ้มกันเลย
7. ผิวแพ้ง่าย อย่าลืมเลือกครีมกันแดดที่ไร้ “แอลกอฮอล์” และ “พาราเบน”

สรรหาครีมกันแดดประสิทธิภาพดีเลิศ ทาถูกวิธีแบบเป๊ะ ๆ แต่คงมาตกม้าตาย! เพราะอาการแพ้ ดังนั้นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรใส่ใจเลยก็คือ “ส่วนผสม (Ingredient)” โดยเฉพาะคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะหากเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารบางชนิด อาจทำให้ผิวระคายเคือง สิวเห่อ หมดสวยได้ โดยส่วนผสมหลัก ๆ ที่ควรเลี่ยง เช่น แอลกอฮอล์ (Alcohol) ที่อาจดึงความชุ่มชื้นออกจากผิวของเรา และยังมีฤทธิ์ทำลายเกราะป้องกันผิวชั้นบน จึงทำให้ผิวแห้ง ขาดน้ำและความชุ่มชื้น เสียสมดุล ส่งให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย และยังกระตุ้นให้สิวอักเสบมากยิ่งขึ้นด้วย รวมถึง พาราเบน (Parabens) ซึ่งเป็นสารกันเสียที่นิยมใช้ในเครื่องสำอาง ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย ป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์เสียง่าย แต่ก็เป็นส่วนผสมที่ไม่ดีต่อผิวในระยะยาวเช่นกัน
รู้อย่างนี้แล้วใครยังทาครีมกันแดดไม่ถูกต้องก็ลองเปลี่ยนวิธีทาครีมกันแดดกันดูนะ แล้วก็อย่าลืมเลือกครีมกันแดด Cielo Blue Light Sunscreen SPF50/PA+++ ที่เนื้อครีมบางเบา ช่วยควบคุมความมัน กันน้ำ กันเหงื่อ ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน ดูกระจ่างใสขึ้น พร้อมป้องกันแสงแดดรังสี UVA UVB แสง Blue Light จากหน้าจอ รวมถึงมลภาวะในอากาศ และยังปราศจากแอลกอฮอล์และพาราเบน จะได้ปกป้องผิวได้อย่างเต็มที่
0
    0
    Your Cart
    Your cart is emptyReturn to Shop